วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

โครงงานสุขศึกษา

โครงงาน
การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง สุขศึกษา
ผู้ทำโครงงาน
เด็กชายวัชรพล   ป้องปัญจมิตร  ม.3/3  เลขที่  14
นางยุพิน   โพธิ์ดอก
อาจารย์ที่ปรึกษา
โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาคอมพิวเตอร์ ง.23102
ประจำปีการศึกษาที่1/2558
โรงเรียนมารดาวนารักษ์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 3






                                                           
บทคัดย่อ
สุขศึกษา นี้เป็นโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้
คือ  เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิต สื่อสารเพื่อการศึกษา ซึ่งผู้จัดทำจำใช้เว็บไซต์
ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง สุขศึกษา เป็นเว็บไซต์ ทีมีเนื้อหาหลากหลายโดยสามารถ
ใช้เป็น เครื่องมือสื่อสารการประกาศ ข่าว การแสดงความคิดเห็น ในหลายด้าน ไม่ว่าเครื่องมือ
           เทคโนโลยี
















หน้า1                                                              สารบัญ

บทที่1บทนำ
บทที่2เอกสารและทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง
2.1 สุขศึกษา
บทที่3วิธีการดำเนิน
บทที่4ผลการดำเนิน
บทที่5สรุปและข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก










      หน้า2                                                         บทที่ 1
ที่มาและความสำคัญ
            เนื่องจากปัจจุบันนี้โลกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่าง ทางด้านพฤติกรรมความคิดของวัยรุ่นในสมัยนี้มีการออกกำลังการน้อยลงมากและอาจทำให้เกิดผลเสียตามมา คือร่างกายไม่แข็งแรง สุขภาพไม่แข็งแรง มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย การเจริญเติบโตของร่างกายด้านความสูงขึ้นอยู่กับความยาวของกระดูก ซึ่ง การออกกำลังกาย จะทำให้กระดูกของวัยรุ่นมีความแข็งแรง คงทนและมีความหนา เนื่องจากร่างกายมีการเพิ่มการสะสมแร่ธาตุพวกแคลเซียมในกระดูก วัยรุ่นที่ขาดการออกกำลังกายจะมีกระดูกที่เล็ก เปราะบาง และการขยายขนาดความยาวไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้มีการเจริญเติบโตช้า แคระแกร็น
                มีผลต่อรูปร่างทรวดทรงรูปร่างของมนุษย์ ประกอบด้วยโครงกระดูกและกล้ามเนื้อที่ปกคลุมอยู่ เมื่อกระดูกมีการเจริญเติบโตน้อยและช้า กล้ามเนื้อมีปริมาณน้อยเพราะขาดการออกกำลังกาย จึงทำให้บางคนมีรูปร่างผอมบางไม่แข็งแรง ซึ่งหากบางคนกินอาหารมากแต่ขาดการออกกำลังกายอาจจะมีไขมันใต้ผิวหนังมาก ทำให้เกิดโรคอ้วน โรคภาวะโภชนาการเกิน และมีกล้ามเนื้อน้อย และทำให้การตึงตัวของกล้ามเนื้อเพื่อคงรูปร่างในสภาพที่ถูกต้องเสียไป เป็นเหตุให้มีรูปร่างทรวดทรงไม่สมส่วน คือ มีรูปร่างผอมบาง หรือ อ้วนจนเกินไป และไม่สมประกอบ เช่น ขาโก่งหรือเข่าชิดกัน ศีรษะเอียง หรือตัวเอียง เป็นต้น
                มีผลต่อสุขภาพทั่วไป หากขาดการออกกำลังกายจะมีผลต่อสุขภาพ ทำให้มีสุขภาพอ่อนแอ มีความต้านทานโรคต่ำ เจ็บป่วยได้ง่าย เมื่อเจ็บป่วยจะรักษาหายช้า และมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย                   
            ปัญหา การออกกำลังกายในวัยรุ่น มีการออกกำลังกายน้อยมากจึงทำให้มีปัญหามากมายเช่น ร่างกายไม่แข็งแรง สุขภาพไม่แข็งแรง เป็นต้น โรคที่มากับคนที่ไม่ออกกำลังกาย
                                -กลุ่มโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขาดเลือด
                                -โรคอ้วน
                                -โรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง
                                -โรคเครียด
       หน้า3                        -โรคภูมิแพ้
                                -โรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
                                -โรคมะเร็ง
นอกจากนี้ยังมีผลต่อสมรรถภาพทางกาย การออกกำลังกายมีผลโดยตรงต่อสมรรถภาพทางกายในด้านต่างๆ การออกกำลังกายชนิดที่ใช้แรงกล้ามเนื้อจะทำให้เกิดความแข็งแรงเพิ่มขึ้น และการออกกำลังกายแบบไม่หนักมากแต่ใช้เวลานานติดต่อกันทำให้เพิ่มความอดทนโดยเพิ่มสมรรถภาพของระบบหายใจและระบบไหลเวียนเลือด ผู้ที่ขาดการออกกำลังกายจะเสียเปรียบในการเรียนวิชาพลศึกษาหรือเล่นกีฬา และมีการประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่ำ ทำให้ปฏิกิริยาในการหลีกเลี่ยงอันตรายต่ำด้วย จึงมักได้รับการบาดเจ็บจากอุบัติภัยได้ง่าย  มีผลในด้านสังคมและจิตใจ  การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นกลุ่มจะทำให้วัยรุ่นรู้จักปรับตัวเข้ากับสังคม มีจิตใจร่าเริง ไม่เซื่องซึม วัยรุ่นที่ขาดการออกกำลังกายมักเก็บตัว มีเพื่อนน้อย บางรายอาจหันไปหาอบายมุขหรือยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมปัจจุบัน กลุ่มของข้าพเจ้าจึงเห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายในวัยรุ่น จึงได้ดำเนินการศึกษาค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายโดยได้ดำเนินการจัดทำโครงงานสุขศึกษา เรื่อง การออกกำลังกายในวัยรุ่นขึ้น
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาค้นคว้าให้ความรู้ในเรื่องการออกกำลังกายในวัยรุ่น
2.เพื่อออกกำลังกายอย่างให้ถูกต้องเหมาะสม
3.เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้กับวัยรุ่นไทยออกกำลังกายให้เหมาะสม
ขอบเขตการศึกษา
         โครงงานเรื่อง การออกกำลังกายในวัยรุ่น  ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3  โรงเรียนวัดพวงนิมิต สำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้วเขต 1 มีขอบเขตในการค้นคว้าดังนี้
 ขอบเขตเนื้อหา
          เนื้อหาที่ใช้ทำงานนี้เป็นเนื้อหาที่ได้เรียนในวิชาสุขศึกษา  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
หน้า4      ขอบเขตด้านประชากร
            นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดพวงนิมิต สำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้วเขต 1
ขอบเขตด้านระยะเวลาที่ใช้
           การทำโครงงานครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
                1. มีความรู้ในเรื่องการออกกำลังกายในวัยรุ่น
                2. รู้วิธีในการออกกำลังกายอย่างให้ถูกต้องเหมาะสม
                3. เผยแพร่ความรู้ให้กับวัยรุ่นไทยออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม












หน้า5                                                               บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

การออกำลังกายมีข้อดีอย่างไร
   1. ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง
          สมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่มีการเสื่อมลงตามวัย แต่การออกกำลังกายช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้ ทำให้สามารถคิดและจดจำได้ดีกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายนอกจากนี้การออกกำลังเป็นประจำ ยังทำให้ดูกระฉับกระเฉง มีสมาธิในการเรียนรู้ได้ดีกว่า
          2. ทำให้กระดูกแข็งแรงหนาขึ้น
          การกินแคลเซียมเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ควรอออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง
          3. ทำให้ผิวสวย
          การออกกำลังกายจะช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้น ยิ่งร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้มากขึ้นเท่านั้น จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น
          4. ลดความเครียด
          การออกกำลังกาย ช่วยลดความวิตกกังวล ผ่อนคลายความเครียดได้ เนื่องจากในระหว่างการออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์หรือสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น นอกจากนี้การที่ร่างกายได้เคลื่อนไหว จิตใจก็ได้เคลื่อนไหวไปด้วย   ทำให้ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่กังวลอยู่ ส่วนการออกกำลังกายแต่ละชนิด มีผลต่อสมองต่างกันการออกกำลังกายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการทำสมาธิ เช่น โยคะ หรือไทเก๊ก จะช่วยผ่อนคลายความเครียดในสมองได้มากกว่า การออกกำลังกายประเภทที่ต้องออกแรงมากๆ
  หน้า6       5. ช่วยผ่อนคลายภาวะการปวดประจำเดือน
          วิธีธรรมชาติที่ช่วยรักษาอาการปวดท้องเมนได้ดีที่สุด คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ หรือแอโรบิค ถ้าไม่มีเวลาก็ออกกำลังง่าย ๆ ด้วย การซิท-อัพตอนเช้าก็ได้ ยิ่งใกล้รอบเดือน ก็ยิ่งควรซิท-อัพไว้ล่วงหน้า เพราะจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณมดลูกมีความยืดหยุ่นทำงานได้ดีขึ้น
          6. ลดอาการท้องผูก
          การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว ๆ การวิ่งเหยาะ การว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ระบบขับถ่ายได้ระบายของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
มากขึ้น
            7. ทำให้หลับง่ายขึ้น
          การออกกำลังกายในช่วงเย็น ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกายมีผลโดยตรงกับระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
          8. ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
          การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนแข็งแรง ทำให้หุ่นกระชับสมส่วน
ประเภทของการออกกำลังกาย
  การออกกำลังกายแบ่งออกแบบง่ายๆ เป็น 3 ประเภท คือ การออกกำลังกายที่เน้นพัฒนาระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจ และปอด ,การออกกำลังกายที่เน้นเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และการออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เดี๋ยวเรามาลองดูตัวอย่างง่ายๆ เพื่อให้เห็นภาพกันได้มากยิ่งขึ้น
              1.การออกกำลังกายที่เน้นพัฒนาระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจ และปอด (Cardiovascular Respiratory Exercise) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า คาร์ดิโอ เบิร์น เป็นต้น ยกตัวอย่างกิจกรรมง่ายๆ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค ฯลฯ โดยส่วนสำคัญคือจะช่วยพัฒนาระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจ ปอด มีสมรรถภาพที่ดียิ่งขึ้น และยังเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี   หน้า7           ซึ่งเชื่อว่า หลายๆคนทำกิจกรรมแบบนี้กันเป็นประจำอยู่แล้ว โดยตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือให้     ออกกำลังกายรูปแบบนี้อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์
                2.การออกกำลังกายที่เน้นเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ (Resistance Exercise) พอพูดถึงแบบนี้ทุกคนก็จะนึกถึง การยกน้ำหนักหรือเล่นเวท แน่นอน แต่จริงๆแล้วการออกกำลังกายแบบแรงต้านมีหลากหลายรูปแบบ โดยอาจจะใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้าน (วิดพื้น ซิตอัพ) ใช้แรงต้านจากยางยืด ใช้แรงต้านกับอุปกรณ์ภายในบ้านต่างๆ (กระเป๋า ขวดน้ำ หนังสือ) ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่บริหารมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สัดส่วนต่างๆมีความกระชับมากยิ่งขึ้น และสำหรับคนที่ลดน้ำหนัก อาจจะมองว่าการออกกำลังกายแบบนี้ไม่จำเป็น แต่จริงๆ มีส่วนสำคัญอย่างมากเลยครับ เพราะจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญขั้นต่ำให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยแนะนำบริหารกล้ามเนื้อแต่ละส่วนสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย (สำหรับผู้หญิงไม่ต้องกลัวกล้ามใหญ่นะครับ เพราะผู้หญิงมีฮอร์โมนในร่างกายที่แตกต่างกับผู้ชาย เพราะฉะนั้นกล้ามไม่ใหญ่เหมือนผู้ชายแน่นอนครับ)
3.การออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ (Flexibility Exercise) หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า ยืดเหยียด อ่อนตัว ซึ่งรวมไปถึงกิจกรรม เช่น โยคะ พิลาทิส ไทชิ ชี่กง ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น หลายๆ คนอาจจะงงว่า กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมีประโยชน์อย่างไร ลองนึกง่ายๆ ว่า ถ้ากล้ามเนื้อเราเหมือนหนังสติ๊ก เวลาเราเก็บหนังสติ๊กไว้นานๆ แล้วพอมาดึง จะเป็นยังไงครับ ก็จะขาดใช่ไหมครับ แต่ถ้าเราใช้อยู่เป็นประจำ กว่าจะขาดก็ต้องใช้เวลาใช่ไหมครับ ก็เปรียบเหมือนกล้ามเนื้อเรา ถ้าไม่เคยยืดเหยียดเลย พอเราก้มไปยกของหนักๆก็จะปวดหลังทันที แต่ถ้ากล้ามเนื้อเรามีความยืดหยุ่นก็จะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ โดยสามารถทำได้เป็นประจำ อย่างน้อยทุกครั้งหลังออกกำลังกายก็จะดี
 วัยรุ่นกับการออกกำลังกาย
            การออกกำลังกาย ไม่ได้หมายถึง การที่จะต้องไปแข่งขันกีฬากับผู้อื่น แต่การออกกำลังกาย จะหมายถึง การที่เราเคลื่อนไหวร่างกายในอิริยาบถต่างๆ โดยใช้แรงของกล้ามเนื้อ จะส่งผลให้ระบบต่างๆของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถผ่อนคลายความตึงเครียดได้ ซึงก่อให้เกิดการพัฒนาสุขภาวะที่ดี อันจะเป็นรากฐานที่ดีสำหรับคุณภาพชีวิตวัยรุ่นก่อนที่จะออกกำลังกายมักจะหาเหตุผลต่างๆนาน หน้า8                                                                                                                                    เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ยอมออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาของสภาพอากาศ เป็นต้น แต่การออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพดีนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมาย เพียงแค่ใช้วันละครึ่งชั่วโมงก็พอ และไม่จำเป็นจะต้องไปหาสถานที่กว้างๆหรือสถานที่สำหรับออกกำลังกายโดยเฉพาะหรือเครื่องมือต่างๆให้เสียเวลา มีเพียงพื้นที่ให้เดินก็เพียงพอแล้ว ซึ่งการออกกำลังกายจะทำให้มีรูปร่างที่ดูดี มีสุขภาพที่แข็งแรง ปลอดภัยจากโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน โรคอ้วน โรคมะเร็ง เป็นต้น อีกทั้งการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายสดชื่น
















หน้า9
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
       
                 การศึกษาความรู้ด้วยโครงงานสุขศึกษาเป็นการส่งเสริม วิธีการค้นหาความรู้การทำงานร่วมกันในกลุ่มเพื่อนและการนำความรู้ที่ได้รับมาสร้างเป็นความรู้ของตนเองและสามารถนำความรู้ ได้จากการค้นคว้าไปเผยแพร่ให้กับผู้อื่น โดยผู้จัดทำโครงงานได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการแสวงหาความรู้ เชิงสร้างสรรค์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีขั้นในการเรียนรู้ 4 ขั้นตอนดังนี้
   ขั้นตอนที่ 1 ขั้นวางแผน
    ขั้นตอนที่ 2 เก็บรวบรวม
     ขั้นตอนที่ 3 ขั้นสรุปผลความรู้และสร้างความรู้
     ขั้นตอนที่ 4 ขั้นนำเสนอความรู้และประเมินความรู้
ขั้นตอนที่ 1  ขั้นวางแผน
        จากการประชุมกลุ่มเพื่อค้นหาเรื่องที่ต้องการศึกษาเรื่องที่ต้องการเรียนรู้  ที่เกี่ยวข้องต่อสุขภาพนั้น สมาชิกในกลุ่มร่วมกันวางแผนเพื่อจะศึกษาค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับปัญหาที่สังคมพบกันบ่อยมากก็คือ  การออกกำลังกายในวัยรุ่น   กลุ่มข้าพเจ้าจึงเลือกที่จะศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายจิตใจของวัยรุ่น   เพื่อที่จะทำความเข้าใจ  และศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุ
ของการออกกำลังกายในวัยรุ่ยและผลปรากฎว่าข้อมูลที่สมาชิกในกลุ่มศึกษามานั้นเป็นวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ที่พบมากที่สุดก็คือวัยรุ่นเกิดจากสาเหตุต่างๆจากการกระทำของตนคิดเพียงแต่ว่าสนุกไปวันๆ  และผลที่เกิดตามและเกิดปัญหาตามมามากมายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือการทำแท้งในคลีนิกเถื่อนบางคนอาจโชคดีไม่เป็นไร  วิธีการดำเนินงาน
หน้า10                                                                                                                                                   จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ได้ศึกษามานั้นมาเก็บรวบรวมไว้ในแฟ้มงานประจำกลุ่มและแบ่งหน้าที่ตามที่เพื่อนถนัดแต่ละคน
ขั้นตอนที่ 3 ขั้นสรุปผลความรู้และสร้างความรู้
         ผลจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับ การออกกำลังกายในวัยรุ่นเราได้ทราบสาเหตุของวัยรุ่นด้วยสาเหตุใหญ่ๆก็คือความขี้เกียจของวัยรุ่น   สมาชิกในกลุ่มของเราจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาและศึกษาต่อเพื่อเผยแผ่ความรู้   
ขั้นตอนที่ 4 ขั้นนำเสนอความรู้และประเมินความรู้
          แจกเอกสารเผยแพร่ความรู้แก่เพื่อนๆในในชั้นเรียน และสร้างแบบทดสอบวัดความรู้เกี่ยวกับปฏิบัติตนให้สมวัย













หน้า11                                                            บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน

          จากการศึกษาค้นคว้าโครงงานสุขศึกษา เรื่องการออกกำลังกายในวัยรุ่น ผู้ค้นคว้าได้นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษามานำเสนอผลการ
วิเคราะห์ข้อมูลเป็น4 ขั้นตอน ดังนี้
                ขั้นตอนที่ 1 ขั้นวางแผน
                ขั้นตอนที่ 2 เก็บรวบรวม
                ขั้นตอนที่ 3 ขั้นสรุปผลความรู้และสร้างความรู้
                ขั้นตอนที่ 4 ขั้นนำเสนอความรู้และประเมินความรู้
 ขั้นตอนที่ 1 ขั้นวางแผน
        จากการประชุมกลุ่มเพื่อค้นหาเรื่องที่ต้องการศึกษาเรื่องที่ต้องการเรียนรู้  ที่เกี่ยวข้องต่อสุขภาพนั้น สมาชิกในกลุ่มร่วมกันวางแผนเพื่อจะศึกษาค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับปัญหาที่สังคมพบกันบ่อยมากก็คือ  การออกกำลังกายในวัยรุ่นกลุ่มข้าพเจ้าจึงเลือกที่จะศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายจิตใจของวัยรุ่นชายหญิง   เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายจิตใจของวัยรุ่นให้มากที่สุด  และศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุของการออกกำลังกายในวัยรุ่นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะกระทำเพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในอนาคตจากการศึกษาแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการออกกำลังกายในวัยรุ่น และผลปรากฏว่าข้อมูลที่สมาชิกในกลุ่มศึกษามานั้นเป็นวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ที่พบมากที่สุด และผลที่เกิดตามมาก็คือการออกกำลังกายในวัยรุ่นเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือการทำแท้งในแคกนิก เถื่อนบางคนอาจโชคดีไม่เป็นไร
ขั้นตอนที่ 2 ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
   หน้า12                                                                                                                                                              จากการแบ่งงานเพื่อไปศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ได้ศึกษามานั้นก็นำความรู้ที่ไปศึกษามาเก็บรวบรวมมาเรียบเรียงข้อมูลต่างๆให้เรียบร้อยเสร็จสมบูรณ์เพื่อรอการนำเสนอ
ขั้นตอนที่ 3 ขั้นสรุปผลความรู้และสร้างความรู้
         ผลจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับ การออกกำลังกายในวัยรุ่น เราได้ทราบสาเหตุการออกกำลังกายในวัยรุ่นของวัยรุ่นด้วยสาเหตุใหญ่ๆ สมาชิกในกลุ่มของเราจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาและศึกษาต่อเพื่อเผยแผ่ความรู้
ขั้นตอนที่ 4   ขั้นนำเสนอความรู้และประเมินความรู้
        การนำเสนอข้อมูลของกลุ่มข้าพเจ้าโดยการนำเอกสารไปเผยแพร่ความรู้และให้เพื่อนๆได้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้ที่ได้รับว่าสิ่งที่กลุ่มข้าพเจ้าได้เสนอไปนั้นได้รับความรู้มากน้อยเพียงใด













หน้า13                                                             บทที่5
สรุปผลการดำเนินงานและข้อเสนอแนะ

       จากการค้นคว้าโครงงานสุขศึกษาเรื่อง การออกกำลังกายในวัยรุ่น มีผลสรุปผลการศึกษาค้นคว้าดังนี้
วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
 1.เพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการติดต่อของการออกกำลังกายในวัยรุ่น
2.เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้รอดพ้นจากโรคไม่ติดต่อ
3.เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายให้แก่ผู้อื่นได้
 สรุปผลการดำเนินงานศึกษาค้นคว้า
       ในปัจจุบันสังคมเรามีการออกกำลังกายน้อยขึ้นจึงทำให้ให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่มีความเชื่อที่ผิด ๆ  การที่มีออกกำลังกาย อาจทำให้ติดเป็นโรคไม่ติดต่อได้ง่ายจึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้และวิธีการป้องกันการเป็นโรคไม่ติดต่อ
       เมื่อเรารู้แนวทางในการปฏิบัติตนเราก็ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้นเพื่อป้องกันตนเองและนำความรู้มาปรับใช้ในชีวีตประจำวัน
        ความรู้ที่เราได้รับนั้นถ้าเราเก็บมาปรับใช้เพียงผู้เดียวชีวิตเราก็จะดีเพียงผู้เดียวแล้วคนอื่นที่เค้ายังไม่รู้จักวิธีการปรับตัวที่ดีแล้วพวกเราที่เป็นอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร   เพราะฉะนั้นความรู้ที่เราได้รับมาเราควรนำความรู้นั้นไปเผยแพร่ให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่  รู้จักวิธีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้ดี  อัตราการโรคไม่ติดต่อวัยรุ่นและผู้ใหญ่ก็คงจะลดน้อยลงมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
  ข้อเสนอแนะ 
จัดการรณรงค์และอบรมเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้ผู้อื่นจะได้ตระหนักถึงปัญหานี้ว่าการมไม่ออกกำลังกายอาจเป็นภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน

หน้า 14
บรรณานุกรม

https;//tawekak.word.press.com



















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น