โครงงาน
การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง โรคหัวใจ
ผู้ทำโครงงาน
เด็กหญิง ศิริรัตน์ วันชาดา ม.3/3 เลขที่ 6
คุณครู ยุพิน โพธิ์ดอก
อาจารย์ที่ปรึกษา
โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิขาโครงงานคอมพิวเตอร์ ง.23120
ประจำปีการศึกษาที่1/2558
โรงเรียนมารดาวนารักษ์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต3
บทคัดย่อ
“ โรคหัวใจ “ นี้เป็นโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ลักษณะเด่นของโครงงานนี้ คือ โครงงานี้ใช้คอมพิวเตอร์ผลิตเพื่อใช้ในการสื่อสาร
และทำให้เยาวชนและประชาชนได้รู้ถึง “ โรคหัวใจ “ โครงงานนี้มีข้อมูลที่หลากหลายทุกคนสามารถเปิดดูได้และศึกษา
และจะได้รู้ถึงอาการของโลกหัวใจ
สารบัญ
บทที่1 บทนำ
บทที่2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2.1 โรคหัวใจ
บทที่3 วิธีดำเนินการ
บทที่4 ผลการดำเนินการ
บทที่5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
บทที่1
บทนำ
แนวคิดที่มาของโครงงาน
โรคหัวใจความเป็นจริงแล้วคำว่า"โรคหัวใจ"มีความหมายกว้างมาก
อาการที่เกิดจากโรคหัวใจหรือสัมพันธ์กับหัวใจนั้น มีไม่มากนัก ดังอาการ
ข้างล่างนี้ แต่อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวก็มิได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคหัวใจเท่านั้น
ยังมีโรคอื่นๆที่ให้อาการคล้ายกัน ดังนั้นการที่ แพทย์จะพิจารณาให้การวินิจฉัยนั้น
จำเป็นต้องอาศัยประวัติอาการโดยละเอียด ร่วมกับการตรวจร่างกาย บางครั้งต้องอาศัยการ
ตรวจพิเศษต่างๆเช่น เลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ เป็นต้น เพื่อแยกโรคต่างๆที่มีอาการคล้ายกัน
|
เทคโนโลยีในการสื่อสาร เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เริ่มมีบทบาทในการดำเนินชีวิตของมนุษย์
และมีส่วนช่วยเรื่องการสนับสนุนด้านการศึกษาอิกด้วยโดยสื่อสมัยใหม่นิยมเป็นสื่อการเรียนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เพาะทำไห้สะดวกรวดเร็วและเข้าถึงง่าย
ดั้งนั้นข้าพเจ้าจึงคิดทำโครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อทางการคิด
และได้รวบรวมข้อมูล เนื้อหาเกี่ยวกับโรคโรคหัวใจและจัดทำเป็นโครงงาน
เพื่อไห้ทุกๆคนสนใจและรักสุขภาพของตนเองมากยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์
2.1
เพื่อศึกษา โรคหัวใจ
2.2
เพื่อเป็นการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต
2.3เพื่อเป็นประโยชน์แก่บุคคลทั่วไปที่สนใจ
ขอบเขตของโครงงาน
1.
ศึกษาสาเหตุการเกิดโรคหัวใจ
2.
ศึกษาพฤติกรรมต่างๆที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
3. เพื่อศึกษาโรคที่มาแทรกซ้อนพร้อมๆกับโรคหัวใจ
บทที่
2
เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2.1
โรคหัวใจ
ความเป็นจริงแล้วคำว่า"โรคหัวใจ"มีความหมายกว้างมาก
อาการที่เกิดจากโรคหัวใจหรือสัมพันธ์กับหัวใจนั้น มีไม่มากนัก ดังอาการ
ข้างล่างนี้
แต่อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวก็มิได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคหัวใจเท่านั้น
ยังมีโรคอื่นๆที่ให้อาการคล้ายกัน ดังนั้นการที่ แพทย์จะพิจารณาให้การวินิจฉัยนั้น
จำเป็นต้องอาศัยประวัติ อาการโดยละเอียด ร่วมกับการตรวจร่างกาย
บางครั้งต้องอาศัยการ ตรวจพิเศษต่างๆ เช่น เลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ เป็นต้น
เพื่อแยกโรคต่างๆที่มีอาการคล้ายกัน
|
อวัยวะตั้งแต่ผิวหนังของทรวงอกไปจนผิวหนังของหลังจะทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้ทั้งนั้น
นอกจากนั้นอวัยวะในทรวงอก เช่น หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด เยื่อหุ้มปอด หลอดอาหาร
หลอดเลือดแดงใหญ่ กระดูกหน้าอก กระดูกซี่โครง เต้านม กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก
เมื่อมีโรคหรือการอักเสบก็ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ได้ทั้งสิ้น แต่ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกจะแตกต่างกัน
อาการต่อไปนี้เข้าได้กับอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด

1.
เจ็บแน่นๆ อึดอัด บริเวณกลางหน้าอก อาจจะเป็นด้านซ้าย หรือ
ทั้งสองด้านส่วนใหญ่จะเจ็บด้านซ้าย บางรายจะร้าวไป ที่แขนซ้าย หรือ ทั้งสองข้าง
หรือ จุกแน่นที่คอ บางรายเจ็บบริเวณกรามคล้ายเจ็บฟัน
2.
อาการเจ็บหน้าอกจะเกิดในขณะออกกกำลัง เช่นวิ่ง เดินเร็วๆ รีบ หรือ
ขึ้นบันได วิ่ง โกรธโมโห อาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อหยุดออกกำลัง
อาการเจ็บมักจะไม่เกิด 10 นาที
3.
สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง อาการแน่นหน้าอกอาจเกิดขึ้นในขณะพัก เช่น
นั่ง หรือ นอน หรือ หลังอาหาร พักไม่หาย อมยาก็ไม่หายปวด
4.
กรณีที่เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
อาการจะรุนแรงมาก อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น เหงื่อออกมาก เย็นปลายมือปลายเท้า
หน้ามืดเป็นลม หายใจลำบาก
อาการเจ็บหน้าอกต่อไปนี้ไม่เหมือนอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด
1.
เจ็บเหมือนถูกของแหลมแทง เจ็บแปล๊บๆ เจ็บจุดเดียว กดเจ็บบริเวณหน้าอก
2.
อาการเจ็บเกิดขึ้นในขณะพัก มีอาการนานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน
3.
อาการมากขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่า หรือ ขยับตัว หรือ หายใจเข้าลึกๆ
4.
อาการเจ็บร้าวขึ้นศีรษะ ปลายมือ ปลายเท้าหอบ เหนื่อยง่ายผิดปกติ

อาการหอบ
เหนื่อยง่าย เวลาออกแรง เช่น เดิน วิ่ง ทำงาน มีสาเหตุมากมาย
เช่นโรคปอดเช่นถุงลมโป่งพอง หอบหืด โลหิตจาง โรคอ้วน ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
ภาวะหัวใจล้มเหลว อาการเหนื่อยง่ายจากโรคหัวใจ และ ภาวะหัวใจล้มเหลวนั้น จะเหนื่อย
หอบ หายใจเร็ว โดยเป็นเวลาออกแรง แต่ผู้ที่มีอาการรุนแรง จะเหนื่อยในขณะพัก
บางรายจะเหนื่อยมากจนนอนราบไม่ได้ ต้องนอนหนุนหมอนสูง หรือนั่งหลับ
อาการเหนื่อยแบบหมดแรง
มือเท้าเย็นชา พูดก็เหนื่อยแต่เดินไปมาได้
เหล่านี้มักจะไม่ใช่อาการเหนื่อยจากโรคหัวใจ

การตรวจวินิจฉัยกลุ่มอาการใจสั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก
เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการชั่วขณะ เมื่อมาพบแพทย์อาการดังกล่าว ก็หายไปแล้ว
แพทย์จึงไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่
เมื่อมาพบแพทย์แพทย์จะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ซึ่งอาจจะปกติในขณะที่ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจดังนั้นท่านควรศึกษาวิธีจับชีพจรตัวเอง
เมื่อเกิดอาการ ว่าหัวใจเต้นกี่ครั้งในเวลา 1 นาที และสม่ำเสมอหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์ให้การวินิจฉัยได้รวดเร็วขึ้น

โรควูบในความหมายของแพทย์แล้ว
จะตรงกับภาษาอังกฤษว่า syncope
หมายถึง การหมดสติ หรือ เกือบหมดสติ ชั่วขณะ โดยอาจรู้สึกหน้ามืด
จะเป็นลม ตาลาย มองไม่เห็นภาพชัดเจน โดยอาการเป็นอยู่ชั่วขณะ
อาการนี้ไม่รวมถึงอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน โคลงเครง วูบวาบตามตัว หายใจไม่ออก
อาการวูบหรือหมดสติดังกล่าวอาจเกิดจาก ความผิดปกติของสมอง เช่น ลมชัก
เลือดออกในสมอง ความผิดปกติของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง หรือหยุดเต้นชั่วขณะ
หรือ ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ นอกจากนั้นแล้ว
"วูบ" ยังอาจพบได้ในคนปกติที่ขาดน้ำทำให้ความดันโลหิตต่ำ เสียเลือด
ท้องเสีย ไม่สบาย ขาดการออกกำลังกาย ยาลดความดันโลหิต
บทที่3 วิธีดำเนินการ
การป้องกันโรคหัวใจจะเริ่มเมื่อใด
ผู้คนทั่วไปมักจะละเลยการป้องกันโรค
รู้อีกทีก็เป็นโรคไปแล้วจะเรียกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาก็ได้
การป้องกันควรจะเริ่มให้เร็วที่สุดเพราะว่าหากเริ่มช้า
การเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ได้มีการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดเริ่มตั้งแต่หนุ่มสาว
เพราะฉนั้นหากเราเริ่มตอนกลางคนผลการควบคุมอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร
ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้เริ่มทำตั้งแต่วัยรุ่น บางท่านผ่านวัยรุ่นมาแล้วก็ให้ทำทันที
การป้องกันโรคหัวใจควรทำอย่างไร
การป้องกันโรคหัวใจมีหลักง่ายๆสองข้อคือ
1.
เรียนเรื่องความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
2.
การจัดการกับความเสี่ยงนั้น
ความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจมีสองประเภทคือ
ประเภทที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
·
อายุ
·
เพศ
·
เชื้อชาติ
·
กรรมพันธ์
·
หญิงวัยทอง
ประเภทที่เปลี่ยนแปลงได้ได้แก่
·
การสูบบุหรี่
·
โรคความดันโลหิตสูง
·
โรคเบาหวาน
·
ไขมันในเลือด
·
โรคอ้วน
·
การขาดการออกกำลังกาย
·
ความเครียด
·
การใช้ยา cocain
·
หญิงที่ทานยาคุมกำเนิด และสูบบุหรี่
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวควรจะทำการป้องกันทันที
หากยังใช้ชีวิตอย่างประมาทก็อาจจะทำให้เกิดโรคหัวใจได้1การหยุดสูบบุหรี่
![]() |
1.
การหยุดสูบบุหรี
หากท่านสูบบุหรี่ต้องหยุดสูบทันที
หรือหากคิดจะสูบบุหรี่ก็ให้เลิกความคิดนี้
หารหยุดสูบบุหรี่จะเป็นการป้องกันโรคหัวใจได้ดี
การสูบบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ไร้ควัน หรือบุหรี่ที่มีนิโคตินต่ำ
หรือซิการ์ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
สำหรับท่านที่ไม่ได้สูบบุหรี่หากท่านอยู่ใกล้ชิดกับคนที่สูบบุหรี่
ท่านอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เหมือนคนที่สูบบุหรี่เรื่องว่าเป็นผลจากการสูบบุหรี่มือสอง
·
บุหรี่มีสารเคมีมากกว่า 4800 ชนิดซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจและหลอดเลือด
ทำให้หลอดเลือดตีบได้ง่าย
·
บุหรี่จะทำให้หัวใจท่านทำงานมากขึ้นเนื่องจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตีบ
หัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
·
ผู้หญิงที่สูบบุหรี่ร่วมกับการกินยาคุมกำเนิด
จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น
ข่าวดีสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่
หากท่านหยุดสูบบุหรี่ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจจะลดลงอย่างรวดเร็ว
โดยประมาณว่าจะเหมือนคนปกติใน 1 ปี
2. การออกกำลังกาย

·
ทำให้หัวใจแข็งแรง
·
ควบคุมน้ำหนักไม่ให้ขึ้น
·
ลดระดับความดันโลหิต
·
ลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานและไขมันในเลือด
แนะนำให้ออกกำลังกายปานกลางวันละ30-40 นาที สัปดาห์ละ 3-5
วันหากไม่สามารถออกกำลังดังกล่าวได้ ท่านสามารถออกกำลังกายโดยการ
ทำงานบ้านเพิ่ม เช่นการทำสวน การล้างรถ การเดินไปตลาด การขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์
อ่านรายละเอียด
3

3.
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับป้องกันโรคหัวใจ
จะเป็นอาหารที่ป้องกันโรคที่เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น โรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมทั้งปริมาณอาหารก็ไม่ควรจะเกิน
·
หลีกเลี่ยงอาหารมันบางชนิดที่มีผลเสียต่อหัวใจ เช่น ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) ,Tran_fatty acid ได้แก่ น้ำมันปามล์ น้ำมันมะพร้าว ไขมันจากสัตว์ เครื่องใน กุ้ง ปลาหมึก
ไก่ทอด ฟิสซ่า กล้วยแขก เนย มาการีน
·
ให้รับประทานผักและผลไม้เพิ่มขึ้น
เพราะผักและผลไม้จะช่วยป้องกันหลอดเลือดของท่าน
·
รับประทานปลาเพราะเนื้อปลามี Omega-3-fatty acid
·
อ่านเรื่องที่น่าสนใจ
4. การตรวจสุขภาพ
การตรวจสุขภาพหมายถึงการที่ท่านจะต้องพิจารณาว่า ท่านมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหรือไม่
เช่น การพักผ่อน ความเครียด การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย
ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือไม่ หากท่านพบว่าท่านมีความเสี่ยงข้อใด
ท่านจะต้องปรับปรุงพฤติกรรม สำหรับบางท่านการตรวจร่างกายโดยการเจาะเลือด และแพทย์ตรวจก็มีความจำเป็นเนื่องจากบางโรคไม่มีอาการ
เช่นความดันโลหิตที่เริ่มเป็น ไขมันในเลือดสูง เบาหวานที่เริ่มเป็น
ท่านที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ อ้วน หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
หรือท่านที่อายุมากกว่า 35 ปี โดยไม่มีความเสี่ยง
ให้ท่านได้รับการตรวจ
บทที่4 ผลการดำเนินการ
ผลของการป้องกันโรคหัวใจคือ
ช่วยไห้สามารถมีร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคภัยไขเจ็บอีกต่างๆมากมาย และช่วยไห้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
และมีผลดีต่อตัวผู้ที่ปฏิบัติทำตามการป้องกันโรคหัวใจ
และยังสามรถบอกต่อผู้อื่นที่เป็นโรคหัวใจได้อีกด้วยว่ามีวิธีการป้องกันโรคหัวใจได้อย่างไร
และสามารถป้องกันการเป็นโรคหัวใจได้แบบไหนบ้างและช่วยไห้มีอัตราการเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจลดลง
บทที่5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
โรคหัวใจเป็นคำรวม
ถ้าแยกรายละเอียดจะแบ่งโรคหัวใจออกได้อีกหลายชนิด เช่น
โรคหัวใจจากหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ อาจตีบหรือรั่ว
โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เป็นต้น โรคหัวใจทั้งหมดนี้หากเกิดขึ้นเป็นเวลานาน
ในที่สุดก็จะมีอาการโรคหัวใจที่เหมือนกัน คือ เกิดอาการเหนื่อยง่าย
มีอาการหอบเมื่อออกแรง
ทั้งหมดเกิดจากการที่หัวใจทำงานผิดปกติที่เรียกว่าหัวใจล้มเหลว หรือภาวะหัวใจวาย
ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะนี้ จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อรักษาอาการดังกล่าว เมื่ออาการหายไป ผู้ป่วยสบายขึ้นแล้วควรเริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพของหัวใจ เพื่อบำบัดอาการ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบหัวใจ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานเกินไปจะทำให้ร่างกายส่วนอื่น ๆ เสื่อมสภาพตามกันจากการหยุดพักนานเกินไป การเริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจในเวลาที่เหมาะสม จะเป็นการทำให้หัวใจกลับมาทำงานได้ปกติเร็วขึ้น แล้วยังเป็นการป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพของอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วย
ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะนี้ จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อรักษาอาการดังกล่าว เมื่ออาการหายไป ผู้ป่วยสบายขึ้นแล้วควรเริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพของหัวใจ เพื่อบำบัดอาการ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบหัวใจ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานเกินไปจะทำให้ร่างกายส่วนอื่น ๆ เสื่อมสภาพตามกันจากการหยุดพักนานเกินไป การเริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจในเวลาที่เหมาะสม จะเป็นการทำให้หัวใจกลับมาทำงานได้ปกติเร็วขึ้น แล้วยังเป็นการป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพของอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วย
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับป้องกันโรคหัวใจ
จะเป็นอาหารที่ป้องกันโรคที่เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น โรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมทั้งปริมาณอาหารก็ไม่ควรจะเกิน
ตรวจสุขภาพหมายถึงการที่ท่านจะต้องพิจารณาว่า
ท่านมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหรือไม่ เช่น การพักผ่อน ความเครียด
การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือไม่
หากท่านพบว่าท่านมีความเสี่ยงข้อใด ท่านจะต้องปรับปรุงพฤติกรรม
สำหรับบางท่านการตรวจร่างกายโดยการเจาะเลือด และแพทย์ตรวจก็มีความจำเป็นเนื่องจากบางโรคไม่มีอาการ
เช่นความดันโลหิตที่เริ่มเป็น ไขมันในเลือดสูง เบาหวานที่เริ่มเป็น
ท่านที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ อ้วน หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
หรือท่านที่อายุมากกว่า 35 ปี โดยไม่มีความเสี่ยง
ให้ท่านได้รับการตรวจ
บรรณานุกรม
http://www.thaiheart.org
http://www.siamhealth.net/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น