โครงงาน
การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เรื่องสมุนไพร
ผู้ทำโครงงาน
เด็กหญิงจีรนันท์
ประเสริฐ ม. 3/3
นางยุพิน โพธิ์ดอก
อาจารย์ที่ปรึกษา
โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโครงงานคอมพิวเตอร์
ง.23102
ประจำปีการศึกษา
2558
โรงเรียนมารดาวนารักษ์
เขตพื้นที่การศึกษาเขต
3
บทคัดย่อ
ในปัจจุบันคนไทยเริ่มหันมาดูแลสุขภาพกันมาขึ้น
ซึ้งการดูแลสุขภาพนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
โดยใช้สมุนไพรหรือผักผลไม้หรือดอกไม้ที่หาได้ไม่ยากในวิถีชีวิตแบบ ไทย ๆ
นำมาปรุงแต่งให้เป็นเครื่องดื่ม โดยยังคงคุณค่าตัวยาในการส่งเสริมสุขภาพหรือรักษาโรคคือส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย
เพื่อให้ยั่งยืนคู่สังคมไทย และสภาพแวดล้อมไทยต่อไป
เพื่อสุขภาพ ในปัจจุบัน การบริโภค น้ำเพื่อสุขภาพมียอดเพิ่มขึ้นทั่วโลก
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีฐานะดี น้ำเพื่อสุขภาพอุดมไปด้วย วิตามิน ซีและเอ
ซึ่งมีประโยชน์ แก่ร่ายกายในการป้องกันโรค บางประเทศนั้นให้ความสำคัญของการ กินผักผลไม้
ประชาชนให้ความสำคัญต่อการดื่มน้ำผักผลไม้มากขึ้นเพราะคนหนุ่มสาวกำลังนิยมและดื่มน้ำเพื่อสุขภาพมากขึ้น
สารบัญ
บทที่1
บทนำ
4-5
บทที่2 เอกสารและทฤษฎีเกี่ยวข้อง 6
2.1 สมุนไพร 6
บทที่3 วิธีการดำเนินงาน
7
บทที่4
ผลการดำเนินการ
8-9
บทที่5
สรุปผลและเสนอแนะ
10-11
บรรณนานุกรรม
12
ภาคผนวก 13
บทที่1
บทนำ
แนวคิดที่มาของโครงงาน
เทคโนโลยีทางการสื่อสาร
เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันเริ่มมีบทบาทในการดำเนินการชีวิตของมนุษย์
และมีส่วนช่วยสนับสนุนสื่อทางการศึกษาอีกด้วยโดยสื่อสมัยใหม่นิยมนิยมเป็นสื่อการเรียนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เพราะ สะดวกรวดเร็วเข้าใจง่าย
สมุนไพร
พืชที่ใช้ ทำเป็นเครื่องยา
สมุนไพรกำเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ
อันหมายถึงทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค พืชสมุนไพร
นั้นมีตั้งแต่โบราณก็ในทั้งนี้ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยามากมายซึ่ง
เชื่อกันอีกด้วยว่า ต้นพืชต่าง ๆ
ก็เป็นพืชที่มีสารที่เป็นตัวยาด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ว่าพืชชนิดไหนจะมีคุณค่า
ดังนั้น
ข้าพระเจ้าต้องการให้ผู้ที่ สนใจ สมุนไพร ที่รักษา
สุขภาพร่างกายดูแลสุขภาพ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
2.เพื่อส่งเสริมให้คนหันมารักสุขภาพ
3.เพื่อต้องการศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรไทย
4.เพื่อศึกษาประโยชน์ของผัก ผลไม้
และดอกไม้ชนิดต่างๆของไทย
ขอบเขตของโครงงาน
1.
ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรไทย
2.
ศึกษาค้นคว้าการทำสมุนไพรไทย
3.
ศึกษาความเป็นมาของสมุนไพร
4.
ศึกษาตามโครงงานสมุนไพร
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.1
สมุนไพร
สมุนไพร หมายถึง "ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และ แร่ธาตุ
ที่ใช้เป็นยา หรือผสมกับสารอื่นตามตำรับยา เพื่อบำบัดโรค บำรุง ร่างกาย
หรือใช้เป็นยาพิษ"
หากนำเอาสมุนไพรตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปมาผสมรวมกันซึ่งจะเรียกว่า ยา ในตำรับยา
นอกจากพืชสมุนไพรแล้วยังอาจประกอบด้วยสัตว์และแร่ธาตุอีกด้วย เราเรียกพืช สัตว์
หรือแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของยานี้ว่า เภสัชวัตถุ พืชสมุนไพรบางชนิด เช่น เร่ว
กระวานกานพลู และ สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง
พืชที่ใช้ ทำเป็นเครื่องยา
สมุนไพรกำเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ
อันหมายถึงทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค
ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า ยาสมุนไพร
หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติสัตว์หรือแร่ธาตุ ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ
เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผลฯลฯ ซึ่งมิได้ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใด
ๆ แต่ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง บดเป็นผงละเอียด
หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึกของคนทั่วไปเมื่อกล่าวถึงสมุนไพร
มักนึกถึงเฉพาะต้นไม้ที่นำมาใช้เป็นยาเท่านั้น
การใช้สมุนไพรที่ถูกต้อง ควรปฏิบัติดังนี้
1. ใช้ให้ถูกต้น
สมุนไพรมีชื่อพ้องหรือซ้ำกันมากและบางท้องถิ่นก็เรียกไม่เหมือนกัน
จึงต้องรู้จักสมุนไพร
2.ใช้ให้ถูกส่วน
ต้นสมุนไพรไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เปลือก ผล เมล็ด
3.ใช้ให้ถูกขนาด
สมุนไพรถ้าใช้น้อยไป ก็รักษาไม่ได้ผล แต่ถ้ามากไปก็อาจเป็น
4.ใช้ให้ถูกวิธี
สมุนไพรบางชนิดต้องใช้สด บางชนิดต้องปนกับเหล้า บางชนิดใช้ต้ม
5.ใช้ให้ถูกกับโรค
เช่น ท้องผูกต้องใช้ยาระบาย ถ้าใช้ยาที่มีฤทธิ์ผาดสมานจะทำให้ท้องผูกยิ่งขึ้น
บทที่3
วิธีการดำเนินการ
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
1. กล้อง
2. เอกสารเกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ
3.เอกสารการทำสมุนไพร
4. คอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ
ว่ามีเนื้อหามากน้อยเพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทำเนื้อหาต่อไป
3. ศึกษาการพัฒนาขอสมุนไพรไทยในอดีตและปัจจุบัน4.
จัดทำข้อเสนอโครงงานเพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษา
4. จัดทำข้อเสนอโครงงานเพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษา
5. นำเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ
โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาทราบซึ่งครูที่
6. จัดทำเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
โดยนำเสนอเป็นรูปเล่ม
3. ยาเม็ดที่ผสมด้วยหัวหรือเหง้าของพืช รวมกับแก่นไม้ มีอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง
บทที่4
ผลการดำเนินงาน
ในการจัดทำโครงงานสมุนไพรไทยจากผัก ผลไม้ ผู้จัดทำโครงงาน
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ในการเรียนรู้เรื่องสมุนไพรไทย
อีกทั้งยังสอดแทรกสาระความรู้ในเรื่องต่าง ๆเกี่ยวกับสุขภาพ
รวมทั้งเพื่อปลูกฝังการรักษาสุขภาพ
นำเสนอผลงานออกมาเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการทำโครงงานไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการรักษาสุขภาพ และโรคภัยไข้เจ็บได้ จากการดำเนินการดังกล่าว
มี
วิทยาศาสตร์ :
Crateva adansonii DC.
subsp. trifoliata (Roxb.) Jacobs วงศ์ :
Capparaceae ชื่ออื่น : ผักกุ่มลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 6-10 ม. ใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 3 ใบ ก้านใบ
ประกอบยาว
7-9 ซม. ใบย่อยรูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 4-6 ซม. ยาว 7.5-11 ซม.
ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนแหลมหรือสอบแคบ ขอบเรียบ
ใบย่อยที่อยู่ด้านข้างโคนใบเบี้ยว แผ่นใบค่อนข้างหนา เส้นแขนงใบข้างละ 4-5 เส้น
ก้านใบย่อยยาว 4-5 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามง่ามใบใกล้ปลายยอด ก้านดอกยาว 3-7
ซม. กลีบเลี้ยงรูปรี กว้าง 2-3 มม. ยาว 4-5 มม. เมื่อแห้งมักเป็นสีส้ม
กลีบดอกสีขาวอมเขียวแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือชมพูอ่อน รูปรี กว้าง
0.8-1.5 ซม. ยาว 1.2-1.8 ซม. โคนกลีบเป็นเส้นคล้ายก้าน ยาว 3-7 มม.
เกสรเพศผู้สีม่วง มี 15-22 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 4 ซม.
ก้านชูเกสรเพศเมียยาวประมาณ 5 ซม. รังไข่ค่อนข้างกลมหรือรี มี 1 ช่อง ผลกลม
เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3.5 ซม. เปลือกมีจุดแต้มสีน้ำตาลอมแดง เมื่อแก่เปลือกเรียบ
ก้านผลกว้าง 2-4 มม. ยาว 5-13 ซม. เมล็ดรูปคล้ายเกือกม้าหรือรูปไต กว้างประมาณ 2
มม. ยาวประมาณ 6 มม. ผิวเรียบสรรพคุณ :•ใบ -
ขับลม ฆ่าแม่พยาธิ เช่น พวกตะมอย และทาแก้เกลื้อนกลาก•เปลือก - ร้อน ขับลม แก้นิ่ง แก้ปวดท้อง ลงท้อง
คุมธาตุ•กระพี้ - ทำให้ขี้หูแห้งออกมา•แก่น -
แก้ริดสีดวง ผอม เหลือง•ราก - แก้มานกษัย อันเกิดแต่กองลม
ชื่อวิทยาศาสตร์
: Curcuma longa L.ชื่อสามัญ :
Turmaricขมิ้นชื่ออื่น : ขมิ้น (ทั่วไป) ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก
ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขมิ้นขมิ้น (ภาคใต้)วงศ์ :
Zingiberaceaeลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก อายุหลายปี
สูง 30-90 ซม. เหง้าใต้ดินรูปไข่มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน
ตรงกันข้ามเนื้อในเหง้าสีเหลืองส้ม มีกลิ่นเฉพาะ ใบ เดี่ยว
แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก กว้าง 12-15 ซม. ยาว 30-40 ซม. ดอก
ช่อ แทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน
ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บานครั้งละ 3-4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู
บทที่5
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
5.1
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
2. เพื่อส่งเสริมให้คนหันมารักสุขภาพ
3. เพื่อต้องการศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรไทย
4. เพื่อศึกษาประโยชน์ของผัก
ผลไม้
5.2
ขอบเขตของโครงงาน
1. ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรไทย
2. ศึกษาค้นคว้าการทำสมุนไพรไทย
3. ศึกษาความเป็นมาของสมุนไพร
4.ศึกษาตามโครงงานสมุนไพร
5.3วิธีการดำเนิน
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ
ว่ามีเนื้อหามากน้อยเพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้า
และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทำเนื้อหาต่อไป
3. ศึกษาการพัฒนาขอสมุนไพรไทยในอดีตและปัจจุบัน
4. จัดทำข้อเสนอโครงงานเพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษา
5. นำเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ
โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาทราบซึ่งครูที่
ปรึกษาจะให้ข้อเสนอแนะ
6. จัดทำเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
โดยนำเสนอเป็นรูปเล่ม
5.1 สรุปผลการศึกษา
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเส้นเลือดเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งในประเทศไทยก็มีสมุนไพรไทยที่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดนั้นก็คือ เสาวรส ผู้ป่วยเบาหวาน
อ้วน หรือติดสุรา ซึ่งประเทศไทยก็มีสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษานั้นก็คือ กุ่มบก
ขมิ้นสามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป
ขมิ้นยังสามารถเป็นยาภายในแก้ท้องอืด แก้ท้องร่วง และแก้โรคกระเพาะอีกด้วย
สมุนไพรไทยที่ช่วยแก้โรคมะเร็งก็คือ
ทองคันชั่ง มีลักษณะเป็นดอกสีขาว ออกเป็นช่อตามซอก ซึ่งใบรากช่วยแก้กลากเกลื้อน
รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคผิวหนัง ดับพิษไข้ แก้พิษงู แก้พยาธิวงแหวนตาผิวหนัง
5.4 ข้อเสนอแนะ
1. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผัก ผลไม้
และดอกไม้มากกว่านี้
2. ควรมีศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบ
บรรณานุกรม
http://www.google.co.th
http://th.wikipedia.org/wiki/สมุนไพรไทย